วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10 อันดับผีสุดเฮี้ยน ที่น่ากลัวสุดในโลก!!!


อันดับ 10 ปรากฏการณ์แม่มดเบลล์ (The bell witch)
สถานที่พบเจอ เมืองอดัมส์ มลรัฐเทนเนสซี อเมริกา
ในปี ค.ศ.1817 สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อปรากฏการณ์หลอนที่มีชื่อที่สุดในอเมริกา ผู้คนทุกสารทิศพากันหลั่งไหลมาชม รวมไปถึงประธานาธิบดีด้วย ซึ่งก็ไม่เคยผิดหวังทุกคนได้เห็นกันทั่วหน้า ซึ่งว่ากันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์
เธอเจ็บแค้นมากเมื่อ ครอบครัวนี้โกงเธอในการซื้อขายที่ดิน ดังนั้นก่อนตายเธอได้สาปแช่งว่าถ้าเธอเป็นผีฉันจะให้ดู และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ครอบครัวของเบลล์ต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ จากผีที่มองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็น ข้าวของแตกกระจาย เข็มทิ่มตามร่างกาย  นมหกเลอเทอะ  ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ แม้กระทั่งตอนสมาชิกในครอบครัวตายผีตนนี้ยังไม่วายที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์  หัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงานฝังศพ
แม้ทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้วเกือบ 200 ปี ก็ตาม แต่ทุกวันนี้วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ ภายในถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณครั้งหนึ่งที่เคยเป็นสมบัติของเบลล์

อันดับ 9 ผีที่บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์สแควร์ (50 Berkeley Square)
สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์ สแควร์ กรุงลอนดอน
ผีที่นี่ดุจริงๆ เพราะมันทำให้เหยื่อเคราะห์ร้ายต้องสังเวยให้กับมัน แม้ไม่มีใครทราบที่มาแต่หลายคนต่างโดนมันฆ่าถ้าใครก็ตามที่มานอนพักบ้านร้าง หลังนั้น เช่นในปี 1887 กะลาสีสองคนชื่อเอ็ดเวิร์ด บลันเดนและโรเบิร์ต มาร์ติน ได้อาศัยบ้านหลังนี้พักชั่วคราวและต่อมากลางคืนบลันเดนก็พบเห็น ผีและสู้กับมันส่วนมาร์ตินหนีออกมาเพื่อแจ้งตำรวจและเมื่อกลับมาก็พบบลันเดนตายอยู่บันไดชั้นล่างในสภาพคอหัก ดวงตาเบิกโพลง นอกจากนั้น จอร์จ แคนนิ่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็โดนด้วยและ เสียชีวิตในปี 1827 ปัจจุบันคนละแวกแถวนั้นมักตกใจเสียงทุบและเสียงกระแทกปึงปังในบางคืน

อันดับ8 บ้านอมิตี้วิลล์ (Amityville House)
สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 112 โอนอเวนิว อเมริกา
บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว เป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล หน้าตาเหมือนโรงนาทรงสูงที่ที่สวยงามมากหลังหนึ่ง ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ  13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่งจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุไปในบัดดล
โดยที่โด่งดังที่สุดคือกรณี ของ ครอบครัวของจอร์จ ลัทซ์ก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็น เสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ นอกจากนั้น ไม่ว่า  ใครหน้าไหนเอา เรื่องนี้มาแต่งเป็นนิยายหรือทำเป็นหนังจะโดนคำสาป เห็นได้จาก เคยมีคนนำเรื่องอมิตี้วิลล์มาสร้างหนังปรากฏว่าหลายคนในกอง ถ่าย ต่างประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งตายอย่างลึกลับ (ปัจจุบันเราสามารถหาดู เรื่องนี้จากหนังเรื่องผีทวงบ้าน) ระวังจะโดนคำสาบ!!

อันดับ 7 เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชท์แมน (Flying Dutchman)
สถานที่พบเจอ แหลม Good Hope ฮอลแลนด์ และท้องทะเลทั่วโลก(ไทยก็เคยเจอ)
เป็นเรือปีศาจที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ในทั่วโลกมาแล้วหลายร้อยปี เดิมคือ เรือ Flying Ducthman เป็นของกัปตัน Van Der Decken ที่นิสัยไม่ดี
โดยเขาหายสาปสูญที่แหลม Good Hope ก่อนหายได้ตะโกนขึ้นว่า "ข้าจะยังคงวนเวียนอยู่ที่แหลมแห่งนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวาระสุด ท้าย ของโลกก็ตาม" และนับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนทั่วโลกก็พบเรือปีศาจแบบนี้ และว่ากันว่าเรือใดที่เห็นเรือปีศาจนี้จะต้องรับความพินาศ โดยในปี 1881 คนประจำเรือเจ้าชายจอร์จที่ 5 เห็นเรือนี้จากนั้นไม่นานเขาก็พลัดตกเสากระโดงเรือตาย.... ทุกวันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือ ฟลายอิ้ง ดัทช์แมนยังคงรอนแรมอยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยดสยอง ริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีชื่อก้องโลกได้อาศัย ตำนานปีศาจนี้แต่งอุปรากรที่มีชื่อว่า Der Fliegende Hollander
 
อันดับ 6 วิญญาณที่โบลถ์บอร์ลีย์ (Borley Rectory)
สถานที่พบเจอ กรุงลอนดอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์(ปัจจุบันโดนทุบทิ้งแล้ว)
เมื่อปี ค.ศ.1362 นักบวชนิกายเบเนดิกทีนและแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้นถูกพ่อมดหมอผีและชาวบ้านที่งมงายจับสองคนไปฆ่า   โดยนักบวชถูก  แขวนคอส่วนแม่ชีถูกฝังทั้งเป็นภายในผนังของสำนักชี ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งบอร์เลย์ในปี 1863 และหลังจากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็ เกิด ขึ้นต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่ขว้างไปโดยไม่รู้ที่มา รอยเท้าประหลาด เสียง และภาพหลอนขนาดปรากฏตัวในตอนกลางวันแสดๆ เลยโดยปี 1929 เธอปรากฏตัวถี่ขึ้นและเริ่มเห็นเต็มตัวโดยในลักษณะแต่งกายเป็นชีและท่าทางใบหน้าเศร้าหมองร้องขอให้มีผู้พบศพเธอเพื่อประกอบ พิธีทางศาสนา และมีผู้ถ่ายรูปเธอออกมาเพียบ จนกระทั่งคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ก็เกิดเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืนและเผาโบสถ์จนเหลือเพียง  ซากและโบสถ์ก็โดนทุบทิ้งจนผีไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
 
อันดับ 5 วิญญาณสีชาด กษัตริย์เฮนรีที่ 4
สถานที่พบเจอ ฝรั่งเศส ???
วิญญาณ สีชาดตนนี้ไม่มีที่มา แต่มันสำแดงตนเสมอในช่วงเปลี่ยนกษัตริย์ของฝรั่งเศส เป็นร่างของชายสูงใหญ่ ใส่เสื้อคลุมสีชาด มีเครายาวสีชาด เช่นกัน ร่างนี้ไปปรากฏต่อพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในคืนที 13 พฤษภาคม 1610 ในห้องพระบรรทมของกษัตริย์เฮนรีเลยทีเดียว แล้วมันก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตาย" พระองค์ตกใจมากและรีบเรียกตัวขุนนางผู้ใหญ่มาหารือเพื่อหาทางแก้ไข และอีก 12 ชั่วโมงต่อมา เฮนรีก็ถูกผลักตกจากบัลลังก์จริงตามคำพยากรณ์เพราะฟรองซัวราวิลแย็คทำการรัฐประหาร นอกจากนี้วิญญาณตัวนี้ยังสำแดงตนให้นโปเลียน โปนาปาร์ตเห็นถึง 4 ครั้ง และครั้งที่ 4 คือคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 1821 ก็เป็นวันตายของนโปเลียนนั้นเอง
 
อันดับ 4 ผีชุดขาวแห่งเบอร์ลิน (Ghost White of The Berlin)
สถานที่พบเจอ เยอรมัน ฝรั่งเศส ??
ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของอันนา ซิโดว์ ภรรยาลับของกษัตริย์โจอาคิมที่ 2 ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกจับขังจนถึงแก่กรรม ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นวิญญาณ หญิงสีขาวเมื่อไหร่คนในราชวงศ์นั้นจะประสบเคราะห์กรรม เช่นปี 1619 มหาดเล็กของกษัตริย์จอร์น ซิกมุนด์เห็นร่างสีขาวก่อนที่จะตายโดยอุบัติเหตุ จากนั้นกษัตริย์จอห์น ซิกมุนด์ก็สวรรคต, นอกจากนั้นกษัตริย์หลายพระองค์ก็เห็นวิญญาณนี้ปรากฏที่รัสเซีย ปารีส และครั้งสุดท้ายที่ปรากฏคือวันที่   29 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันล่มสลายของนาซีเยอรมันที่เบอร์ลินพอดี!!
 
อันดับ 3 วิญญาณที่เรือควีนแมรี่ (Queen Mary)
สถานที่พบเจอ เรือควีนแมรี่(ปัจจุบันถูกจอดไว้ที่เมืองลองบีช โดยดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม)
ควีนแมรี่เป็นเรือใหญ่มากลำหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ เคยถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วถูกปลดระวางในปี 1967 เพื่อนำไปทำโรงแรม ซึ่ง มีเรื่องเล่ากันว่าถ้าใครตายในเรือแมรี่มีอันต้องเป็นผีเฝ้าเรือทุกตน โดยมีผู้พบเห็นผีนี้ตามจุดทั่วเรือในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่เปียก น้ำ เด็กน้อยตามหาแม่และหายตัวไปต่อหน้า สตรีในชุดราตรีโบราณ ฯลฯ
 
อันดับ 2 วิญญาณของพระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด (Catherine Howard)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
แม้พระนางจะโดนสำเร็จโทษหลังอภิเษกกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้เพียง 8 เดือน ไปตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1542 แล้วก็ตาม ระเบียงของพระราชวัง  แฮมตัน คอร์ท พาเลสทุกวันนี้ยังมีเสียงร้องโหยหวนในยามดึกเสมอ นอกจากนี้ยังสิงสู่อยู่ที่อีธอร์น มาเนอร์ ฮอลลิงบอร์น เค้นท์ด้วย
 
อันดับ 1 วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn the headless Queen)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ 
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 นี้ช่างเป็นต้นเหตุสร้างเรื่องสยองจริงๆ เมื่อพระนางแอนน์ โบลีนพระมเหสีองค์ที่สองถูกสำเร็จโทษ 19 พฤษภาคม ปี 1536 โดยก่อนตาย นางกล่าวว่า "โอ้ ความตายนำข้าให้หลับใหล พาข้าให้พักอย่างเงียบสงัดนำข้าไปสู่ที่สุดแสนจะเงียบงันออกไปจากอกของข้า ที่ห่วงหาอาทร ย่ำระฆังความตายที่เศร้าสร้อย ปล่อยให้มันก้องกังวาน"
ว่ากันว่าวิญญาณของพระนางจะกลับมาที่ บลิคลิง ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์ค ในวันครบรอบที่พระนางถูกสำเร็จโทษ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นพระนางเคยใช้ ชีวิต ในวัยเยาว์ที่นั้นเลยผูกพันเป็นพิเศษ ซึ่งมีรายงานปรากฏวิญญาณของพระนางไปยังสถานทีประสูติไม่ว่างเว้น โดยผู้คนมักเห็นร่างของหญิงสูงศักดิ์ปราศจากศีรษะ นั่งอยู่ในรถม้าที่ลากโดยม้าที่ปราศจากหัวสี่ตัว และคนขับซึ่งไม่มีหัวเช่นกัน รถม้าจะวิ่งช้าๆ ไปยังอาคารโบราณที่บลิงตันและ หายลับไปยังประตูหน้า นอกจากนี้พระนางยังปรากฏอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอนอีกด้วย โดยผู้ใดที่อยู่ตรงข้ามพระนางจะพลอยได้พบหายนะไปด้วย เสียสิ้น โดยใครพบเจอคนนั้นอาจหัวใจวายตายในเวลาไม่นาน ไม่ก็เสียสติ

10 อันดับตำนานที่น่ากลัวที่สุดในโลก

อันดับที่ 10 โฮป ไดมอนด์ (Hope Diamond) หรือ "เพชรนางสีดา"

โฮป ไดมอนด์เป็นเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักเดิม 102.73 กะรัต ถูกประดับบนพระนลาฏ(หน้าผาก)ของเทวรูปพระนางสีดาที่อินเดีย มีคำสาปว่า "มันผู้ใดแตะต้องเพชรแห่งตูข้า ผู้นั้นมันต้องตายอนาถ" ครั้งแรกมันถูกขโมยมาโดยกลุ่มโจร อาถรรพ์ครั้งแรกคือทำให้กลุ่มโจรนั้นฆ่ากันเอง ยกเว้นเพียงคนหนึ่งได้หนีรอดออกมา นำเพชรมาเจียรไนไม่ให้ใครจำได้ ตอนนี้มีน้ำหนักเหลือเพียง 80.32 กะรัตแล้ว พ่อค้าฝรั่งเศสชื่อนายทราวิเนียร์ได้รับซื้อไว้แล้วนำไปขายต่อให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 อาภรรพ์ครั้งที่ 2 จึงเกิดขึ้น เมื่อพระเจ้าหลุยส์ฯทรงพระราชทานเป็นของขวัญวันพระราชสมภพแก่พระนางมารีอองตัวเนตต์ และพระนางนำไปเจียรไนอีกเป็น 72.09 กะรัต และแล้ว ไม่นานพระองค์ทั้ง 2 ก็ถูกสำเร็จโทษโดยกีโยติน เรื่องนี้หายไปนานจนกระทั่งไปจนกระทั่งปรากฏอีกครั้งในน้ำหนัก 62.03 กะรัต แล้วผู้เคราะห์ร้ายรายรองสุดท้ายที่เคยรวยที่สุดในโลกก็ได้นำไปเจียรไนเหลือ 45.52 กะรัต แล้วลูกสาวของเธอก็ตาย สามีก็เป็นบ้า ส่วนเธอก็จนลงจนกลายเป็นขอทานและตายอย่างอนาถในที่สุด จนมาถึงผู้รับคนสุดท้ายที่เอะใจทันเอาไปให้พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนเป็นเพชรที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลก เรื่องราวอาภรรพ์แห่งความตายจึงได้จบเพียงแค่นี้

อันดับที่ 9 วิหารกระดูก เมืองอีโวรา ประเทศโปรตุเกส

วิหารนี้สร้างในศตวรรษที่ 15 โดยพระนิกายฟรานซิสกัน ที่แปลกคือวิหารนี้ทำด้วยกระดูกของมนุษย์ 5,000 คน! และยังมีโครงกระดูกแขวนไว้เปล่าๆบนผนังนี้ด้วย ตำนานได้กล่าวไว้ว่ามีหญิงคนหนึ่งเธอเป็นคนดีและยึดมั่นในคาทอลิก ทว่าในวันหนึ่งเธอได้ถูกสามีผู้โมโหร้ายและลูกชายแท้ๆของเธอช่วยกันทรมานด้วยการโบยจนตาย ก่อนตายเธอได้สาปแช่งไว้ว่าขอให้วิญญาณของ 2 ลงนรกชั่วกัปชั่วกัลป์ แม้แต่พื้นพสุธาก็ยังไม่รับเขาไว้ และไม่นาน ชายทั้ง 2 ก็ได้ตายลง พวกชาวเมืองจึงขุดหลุมฝังศพให้เขา แต่ไม่ว่าจะขุดที่ไหนก็จะเจอแต่หินเต็มไปหมด จึงจนปัญญาเลยเอาไปแขวนไว้กับผนังวิหารกระดูก นับว่าเป็นคำสาปที่ขลังยิ่ง นักบวชจะใช้โครงกระดูกนี้สำหรับปลงครับ

อันดับที่ 8 ละครเวทีแม็คเบ็ทของเช็คสเปียร์

ละครเรื่องนี้มีฉากที่เกี่ยวกับแม่มดและคําสาปมนต์ดํา ว่ากันว่าทําให้แม่มดตัวจริงสมัยนั้นเคืองแค้นที่เชคสเปียร์นําเอาเรื่องลับของพวกเขามาเปิดเผย จึงสาปให้ละครเรื่องนี้มีอันเป็นไป หากใครนํามาแสดงโดยเฉพาะตัวละครที่เล่นบทแม็คเบ็ธ 
ผลของคําสาปอุบัติขึ้นตั้งแต่หนแรกสุดที่ละครนี้ออกแสดง โดยผู้แสดงที่ชื่อ ฮัล เบอร์ริดจ์ ซึ่งสวมบทเลดี้เอม ได้ล้มเจ็บลงในคืนนั้น และสิ้นใจตายหลังเวที และนับแต่นั้นมาเกือบ 400 ปี ละครเรื่องนี้ก็มีอาถรรพณ์เกิดขึ้นกับนักแสดงมาตลอด เช่น มีอุบัติเหตุบาดเจ็บ ล้มตาย บางคนฆ่าตัวตาย และที่น่าพรึงเพริดที่สุดก็คือ ในปี ค.ศ. 1947 นักแสดงชื่อ ฮาโรลด์ ทอร์แมน เป็นผู้รับบทแม็คเบ็ธ ในระหว่างการดวลดาบนั้น คู่ต่อสู้ของเขาลืมสวมที่ครอบปลายดาบ พอแม็คเบ็ธถูกแทงล้มลงกลางเวที ผู้ดูต่างก็ปรบมือพอใจในบทบาท หากทว่า หลังเวทีนั่นซิ ต่างก็ตกใจกันยิ่งนักที่เขาโดนแทงจริงๆ ทอร์แมนตายใน 3 สัปดาห์ต่อมา 

อันดับที่ 7 อลิสแตร์ ครอวลีย์ พ่อมดแห่งล็อกเนส
สกอตแลนด์ ปี 1899 ครอว์ลีย์อาศัยอยู่ในบ้านอย่างโดดเดี่ยวทางตอนใต้ของทะเลสาบที่ลือลั่นในเรื่องอสุรสัตว์ กล่าวกันว่าเขาขมังในเรื่องเวทมนตร์และเลี้ยงวิญญาณภูตไว้ถึง 115 ตน เขาสามารถดลบันดาลให้เพื่อนบ้านหลายคนมีอันเป็นไปนานา จนเป็นที่หวาดหวั่นไปทั่ว ก่อนตายครอว์ลีย์ได้สาปทิ้งท้ายไว้กับยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า "ปล่องไฟปีศาจ" และครอว์ลีย์เคยหลงทางที่ยอดเขานี้ ซึ่งทําให้เขาขัดเคืองใจ จึงสาปว่าเมื่อใดที่ยอดเขานี้พังทลาย สิ่งชั่วร้ายต่างๆก็จะถูกปลดปล่อยแผ่กระจายไปด้วย "ปล่องไฟปีศาจ" ยืนหยัดอยู่นานนับพันปี แต่แล้วในเดือนเมษายน 2001 ยอดสูงราว 70 เมตร ก็มีอันถล่มทลายลงมาในทะเล เรื่องนี้ทําให้ผู้ที่เชื่อถือในตํานานพากันผวาไปตามกันเลยครับ ป่านนี้นรกคงครอบคลุมแผ่นดินแล้ว!

อันดับ 6 คําสาปวูดูแห่งนิวออร์ลีนส์ 
 

สหรัฐฯ แม่มดวูดูผู้นี้มีนามว่า มารี ลาโว มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1800 กว่าๆ เพื่อนบ้านรํ่าลือกันว่าเธอสามารถสาปได้ทั้งคนและสัตว์ โดยใช้มนต์ดําของวูดู กระทั่งทุกวันนี้ยังมีการจัดทัวร์พาไปชมบ้านของเธอ รวมทั้งบนบานขอให้เธอช่วยสาปใครก็ได้ เรียกกันว่าบลัดดี้มารีทัวร์ ทั้งนี้ผู้ขอจะต้องปฏิบัติดังนี้ครับ เริ่มจากเคาะ 3 ครั้งบนโลงศพของมารี แล้วหมุนกายทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ เซ่นเหล้ารัม ข้ามหลุมศพ 3 หน แล้วเปล่งชื่อของเธอออกมาดังๆ จากนั้นก็บอกกล่าวถึงจุดประสงค์ของคุณ (ว่าจะให้เธอดลให้ศัตรูของคุณวิบัติอย่างไร) ไม่เชื่อก็เดินทางร่วมทัวร์ไปพิสูจน์ได้

อันดับ 5 คําสาป ตุตันคาเมน 

 

สรุปสั้นๆแค่ว่า ทั้ง โฮวาร์ด คาร์เตอร์, ลอร์ด คาร์นาวอน และผู้มีส่วนรบกวนสุสานของฟาโรห์องค์นี้ ล้วนมีอันล้มหายตายจากก่อนวัยอันควรทั้งนั้น ตุตันคาเมนเป็นฟาโรห์หนุ่มที่ถูกกล่าวถึงกันมากในเรื่องอาถรรพ์จากคำสาปที่นักบวชแดนไอย์คุปต์บรรจงสลักไว้ในสุสานของพระองค์ ข้อความคลังเปี่ยมด้วยอาถรรพ์ที่ว่า "มรณะจักโบยบินมาสังหารสู่ผู้บังอาจรังควานสันติสุขแห่งพระองค์ฟาโรห์" ทำให้มีการตายอย่างน่าพิศวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อกันว่าความตายเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์คำสาป 
นับแต่สุสานถูกเปิดเมื่อปี 1922 ผู้ร่วมพิธีเปิดเสียชีวิตไป 22 คน และเล่ากันว่า นับจากนั้นมาแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร หากครั้งใดที่ฟาโรห์ตุตันคาเมนถูกรบกวนก็ย่อมจะมีผู้ที่สังเวยต่อคำสาปอันลี้ลับนี้เสมอมา รวมถึงลอร์ดคาร์นาร์วอน เจ้าของทุนในการขุดค้นสุสานก็เสียชีวิตลงหลังจากถูก "ยุงกัด"  "ตุตันคาเมน" เป็นฟาโรห์องค์ที่ 12 ในราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ ทรงขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนม์เพียง 10 พรรษา ทรงเป็นกษัตริย์อียิปต์โบราณในช่วงปี 1334 - 1323 ก่อนคริสตกาล ภายหลังขึ้นครองราชย์ได้เปลี่ยนพระนามเป็น "ตุตันคามุน"  พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อพระชนม์เพียงแค่ 18 พรรษาโดยไม่ทราบสาเหตุแต่เชื่อกันว่าฟาโรห์หนุ่มองค์นี้ถูกลอบปลงพระชนม์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีข่าวออกมาแย้งว่าจากการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่พบว่าพระองค์น่าจะสิ้นพระชนม์จากบาดแผลที่ติดเชื้อมากกว่าถูกลอบปลงพระชนม์ 
ด้วยระยะเวลาอันสั้นในการครองราชย์ทำให้ทรงไม่มีภารกิจใดมากนัก นอกจากนั้นหลังสิ้นพระชนม์ทรงถูกกษัตริย์องค์ต่อมาลบทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งพระนามของตุตันคาเมนออกจากรายนามพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ ทำให้ไม่มีนักประวัติศาสตร์คนใดรู้จักพระนามของพระองค์เลย จนกระทั่งในวันที่ 4 พฤศจิกายน 1922 โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ และลอร์ด คาร์นาวอน ชาวอังกฤษค้นพบสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลก พวกเขาเป็นสองคนแรกที่เข้าไปในสุสานของตุตันคาเมนในรอบ 3,000 ปี ในห้องที่พวกเขาพบเต็มไปด้วยทองคำและของมีค่ามากมาย ซึ่งเจ้าของของสิ่งมีค่าเหล่านี้คือฟาโรห์หนุ่มที่มีพระนามว่า "ตุตันคาเมน" นั่นเอง 
เนื่องจากพระศพและสุสานที่สร้างขึ้นไม่ได้สลักชื่อว่าเป็นของกษัตริย์ เลยรอดพ้นเงื้อมมือโจรที่คอยปล้นและทำลายสุสานไปได้ จึงทำให้ทุกอย่างยังคงสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงไม่วายถูกรบกวนหลังจากโลงพระศพถูกเปิด อาถรรพ์ของคำสาปจึงเป็นเกราะอย่างหนึ่งที่จะทำให้ฟาโรห์ตุตันคาเมนทรงได้พักผ่อนอย่างสงบตลอดกาล

อันดับ 4 อีกา แห่งป้อมปราสาท ลอนดอน (Tower of London) 
 
ป้อมปราสาทนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะถูกใช้เป็นที่คุมขังและประหารบุคคลสําคัญๆของอังกฤษมากมายหลายท่าน ณ ลานปราสาทแห่งนี้จะมีการเลี้ยงดูอีกาจํานวน 6 ตัว เนื่องจากมีคําสาปมานานกว่า 900 ปี ว่าถ้าหากอีกาลดจํานวนลงเมื่อใด เมื่อนั้นความหายนะจะมาเยือนนครลอนดอน และสิ้นสุดพระราชวงศ์แห่ง อังกฤษ! 
เรื่องนี้มีตํานานปรากฏเป็นเอกสารในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ราวศตวรรษที่ 17 ด้วยนะครับ ไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอยแต่อย่างใด และทําให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นยามหรือกษัตริย์ถือเป็นเรื่องจริงจังอย่างเคร่งครัด เช่นว่า ถ้ามีอีกาตายหนึ่งตัว จะต้องรีบถวายรายงานต่อควีนทันที และต้องจัดหาอีกาตัวใหม่มาทดแทนโดยด่วน ซึ่งอีกาทุกตัวจะมีชื่อเรียก และถ้าตายก็จะถูกนําไปฝังอย่างมีพิธีการ จะมีการเลี้ยงอีกาไว้สํารองตลอดเวลา ถ้าตัวใดล้มป่วย ก็ต้องรีบตรวจสอบ หาไม่ถ้าหากตายโดยโรคติดต่อ (เช่น ไข้หวัดนก) และเช้าขึ้นมาอีกาตายเกลี้ยงละก้อ เชื่อกันว่าทั้งพระราชวงศ์ก็จะอันตรธานไปเช่นกัน

อันดับ 3 คําสาปตะกั่วแห่งกรีซ  
ใน ค.ศ. 1979 มีการขุดค้นโบราณสถานชื่ออโกรา, นครเอเธนส์ ทําให้พบแผ่นม้วนตะกั่วบางๆ ซึ่งมีจารึกภาษาโบราณอันเป็นคําสาปปรากฏอยู่ แผ่นตะกั่วนี้เรียกกันว่า คาตาเรส (Katares) ใช้ใส่ลงในโลงศพก่อนจะฝัง เชื่อกันว่าตะกั่วจะทําให้คําสาปจมลงไปอย่างรวดเร็วถึงขุมนรกพร้อมกับวิญญาณผู้ตาย เพื่อที่พระยมจะได้อ่านคําสาปและดลบันดาลให้เป็นไปตามนั้น นอกจากนี้ การฝากหรือทิ้งแผ่นคําสาปลงไปในนํ้าก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง เพราะนํ้าจะสามารถสื่อไปถึงผู้ที่เราต้องการสาปได้ ซึ่งแผ่นคาตาเรสกว่า 100 แผ่นที่ค้นพบนี้ได้ระบุจ่าหน้าถึง ซูลิส ไมเนอร์วา ซึ่งเป็นเทพีด้านอุทกของโรมันครับ 

อันดับ 2 คําสาป วัฏจักรมรณกรรม ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

 

นี่ก็เป็นอาถรรพณ์อีกอย่างซึ่ง โด่งดังมาก นั่นคือ ปธน. สหรัฐฯ ท่านใดที่ได้รับเลือกตั้งในปี ค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลข 0 จะต้องถึงแก่มรณกรรมในหน้าที่ ตํานานระบุว่าผู้ที่สาปก็คือ เตคัมเซ่ หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง ผู้คับแค้นจากการถูกชนผิวขาวเข้ามายํ่ายีแย่งแผ่นดิน เขาได้สาปไว้ก่อนที่จะถูกฆ่าตายในปี ค.ศ. 1813 ปธน.คนแรกที่ตกเป็นเหยื่อก็คือ วิลเลียม เฮนรีย์ แฮร์ริสัน ที่ได้รับเลือกตั้งใน ค.ศ. 1840 ถัดจากนั้นคําสาปก็เป็นจริงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นลิน-คอล์น (1860) การ์ฟิลด์ (1880) แม็คคินลีย์ (1900) ฮาร์ดิ้ง (1920) รูสเวลท์ (1940) เคนเนดี้ (1960) เพิ่งมีรอดรายเดียวคือ ปธน. เรแกน (1980) แต่ท่านก็ถูกมือปืนชื่อ จอห์น ฮิงค์ลีย์ ยิงบาดเจ็บสาหัสในปี 1981 นัยว่าปืนที่ใช้นั้นไร้ประสิทธิภาพ ท่านจึงรอดพ้นอาถรรพณ์มาได้อย่างหวุดหวิด

อันดับ 1 คําสาปในสวนเอเดน (Garden of Eden) 

 

นับเป็นคําสาปแรกเริ่มสุดๆ ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าสร้างโลกโน่นเลยครับ โดยปรากฏเรื่องราวอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่าทรงเสกอาดัม-มนุษย์ผู้ชายขึ้นก่อน จากนั้นก็แซะเอาซี่โครงของอาดัมมาเสกเป็นอีฟ แล้วส่งทั้งคู่ไปอยู่ในสวนเอเดน พร้อมรับสั่งว่าจะกินอะไรก็ได้ทุกอย่าง ยกเว้นผลไม้จากต้นแห่งความรู้หรือแอปเปิ้ล แต่ X งูตัวแสบสิครับ มันยุยงอีฟให้หมํ่าแอปเปิ้ลเข้าไปหมํ่าคนเดียวไม่พอ อีฟยังชักชวนให้อาดัมหมํ่าด้วย เมื่อขัดคําสั่งของพระเจ้าก็เป็นเรื่องสิครับ โดย X งูจอมแสบโดนสาปให้ไปไหนมาไหน ด้วยการใช้ท้องไถไป อีฟโดนสาปให้คลอดลูกด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ส่วนอาดัมต้องทํางานหาเลี้ยงปากท้อง